พิธีรดน้ำสังข์ และตำนานโบราณ


1. เครื่องประกอบพิธีรดน้ำสังข์
ชุดพิธีสงฆ์ จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์สำหรับประกอบพิธี มีชุดโต๊ะหมู่ พรมรองนั่ง กระโถน แก้วน้ำ ธูป ดอกไม้ พร้อมชุดอาหารเลี้ยงพระ 2 วง แป้งเจิม และด้ายสายสิญจน์
ชุดหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ประกอบด้วย พวงมาลัยบ่าวสาว มงคลแฝด พานรดน้ำ (พานที่ใช้วางหอยสังข์) ชุดตั่ง หรือถ้านั่งพื้นสามารถ ใช้พรมรองนั่งได้ หมอนรองมือ พานพุ่มดอกไม้สำหรับรับ น้ำสังข์ ของชำร่วย และดอกไม้ประดับ 2 ข้าง เพื่อภาพถ่ายที่สวยงาม อาจจะมีดอกไม้ประดับ ด้านข้างซ้ายและขวา

2. เคล็ดลางความเชื่อ
ในเรื่องเกี่ยวกับพิธีรดน้ำสังข์นี้ ถือเคล็ดลางกันว่า หากเสร็จสิ้นแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นก่อน โบราณว่าผู้นั้นจะเป็น ใหญ่ในครอบครัว ด้วยเหตุนี้ ผู้ใหญ่มักจะบอกให้ทั้งสองฝ่ายช่วยกันประคับประคองกันลุกขึ้นแทนที่จะยุให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดลุกขึ้นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป

3. ทำไมต้อง หอยสังข์
สังข์ หรือหอยสังข์นั้น ประชาชนชาวไทย ต่างก็มีความนับถือกันว่า เป็นของที่เป็นอุดมมงคลอย่างสูงยิ่ง และในงานพิธีีมงคลต่าง ๆ ซึ่งจัดขึ้นในบ้านเรือน ของประชาชนชาวไทยเรา เราก็มักจะได้พบหอยสังข์ ซึ่งใช้เป็นที่หลั่งน้ำแด่คู่บ่าวสาวเพื่อจะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข หอยสังข์ นั้นนอกจากจะใช้เป็นเครื่องหลั่งน้ำ เพื่อให้มีความสุขความเจริญแล้ว ยังใช้เป่าเพื่อให้ได้ยินเสียง ให้เกิดความเป็นสิริมงคลอีกด้วย บางความเชื่อก็ว่าที่เรานำหอยสังข์มาใช้ใน พิธีรดน้ำสังข์ ก็เพราะว่า สังข์ คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 14 อย่าง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร จึงถือเป็นของสิริมงคลสำหรับคู่บ่าวสาว ส่วนประเพณีการใช้น้ำพระพุทธมนต์บรรจุในสังข์ ก็โดยเหตุที่คนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน ดังนั้นน้ำที่เกิดจากการ เจริญพระพุทธมนต์ จึงถือเป็น สิ่งมงคล ยิ่ง จึงทำให้ในพิธีแต่งงานได้นำน้ำมาบรรจุในหอยสังข์ การรดน้ำสังข์ จึงเสมือนเป็นการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตคู่

4. ตำนานสังข์
มีที่มาจากเรื่องเล่าเป็นปรัมปราต่อกันมาว่า มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า สังข์อสูร ยักษ์ตนนี้ได้มาพบพระพรหม ในขณะที่บรรทม หลับอยู่และมีพระเวทต่าง ๆ ไหลออกมาจากพระโอษฐ์ ก็ให้เกิดความอิจฉา จึงได้ขโมยเอาพระเวทต่าง ๆ นั้นไปเสียเพื่อที่ พวกพราหมณ์จะได้ไม่มีพระเวทเป็นเครื่องสวดอ้อนวอนพระพรหมและเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ได้อีก แต่ในขณะเดียวกันนั้นพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นการกระทำของยักษ์สังข์อสูรนั้นทุกประการจึงติดตามไปเพื่อจะเอาพระเวท นั้นกลับคืนมา เมื่อยักษ์สังข์อสูรเห็น พระนารายณ์ติดตามตนมาในระยะกระชั้นชิด เช่นนั้นก็เห็นว่าเป็นการจวนตัวจึงได้กลืน พระเวททั้งหมดลงไปไว้ในท้องของตน แล้วกระโดดลงไปในน้ำมหาสมุทรดำน้ำ หนึหายไป เมื่อพระนารายณ์เห็นดังนั้น จึงได้เนรมิตร่างของพระองค์ให้เป็นปลาใหญ่ เที่ยวค้นหาตัวยักษ์สังข์อสูรเพื่อจะจับตัวไว้ให้ได้ก่อนที่ยักษ์สังข์อสูรนั้นจะทำลาย พระเวท ให้หมดไปจากโลก ในที่สุดพระนารายณ์ก็จับตัวยักษ์สังข์อสูรเอาไว้ได้ แล้วจึงทวงถามเอาพระเวทคืน แต่ยักษ์สังข์อสูรนั้นไม่ได้มีการเจรจาโต้ตอบแต่ประการใดได้แต่นิ่งเฉยอยู่เท่านั้น เมื่อพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าพิจารณาดูไปก็ได้ ้ทราบว่ายักษ์สังข์อสูรได้กลืนเอาพระเวทเข้าไว้ในท้องของตน จึงได้เอาพระหัตถ์บีบที่ปากของยักษ์สังข์อสูร จนเนื้อที่ปากนั้นปริออกมาตามระหว่างนิ้วของพระองค์แต่เมื่อทรงเห็นว่ายักษ์สังข์อสูรนั้นยังไม่ยอมคืนพระเวทอีก จึงได้ทรงเอานิ้ว พระหัตถ์ล้วงเข้าไป ในท้องของสังข์อสูรแล้วทรงค้นหาพระเวทซึ่งอยู่ในท้องของสังข์อสูร เมื่อทรงเอาพระเวทกลับคืนออกมาจากท้อง ของยักษ์สังข์อสูรได้จนหมดเรียบร้อยทุกพระคัมภีร์แล้ว พระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าจึงได้ทรงสาปยักษ์สังข์อสูรนั้นว่า ขอให้เจ้าจงมีสภาพ ร่างกายเป็นอย่างนี้และจงอยู่แต่ในน้ำสืบไป อย่าได้ขึ้นมาบนบกอีกต่อไปเลย เมื่อชาวมนุษย์ทำงานมงคลใด ๆ จึงค่อยมาจับเอา ตัวเอ็งไปร่วมในงานพิธีมงคลนั้นด้วย เมื่อทรงสาปแล้วได้ทรงทิ้งร่างของยักษ์สังข์อสูร นั้นลงไปใน ในมหาสมุทรทันที แล้วจึงได้เอา พระเวทนั้นมาส่งคืนให้แก่พระพรหมผู้เป็นเจ้าของเดิม เมื่อยักษ์สังข์อสูรนั้นอยู่ในน้ำมหาสมุทรเนิ่นนานเข้าจึงได้กลับกลายมาเป็นหอยสังข์ และมีสภาพเหมือนกับคำที่พระนารายณ์ได้สาปไว้ทุกประการ ตามบริเวณร่างกายของหอยสังข์นั้น ได้มีรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้ายังปรากฏอยู่ในขณะที่พระองค์ทรงบีบปากเพื่อค้นหาคัมภีร์พระเวทเมื่อครั้งแรก และที่ปากของหอยสังข์จึงเป็นรอยยาวออกมานั้น ก็เพราะพระนารายณ์ท่านลากคัมภีร์พระเวทต่าง ๆ ออกมาทางปากครั้น เมื่อถึงเวลาจะทำพิธีมงคลต่าง ๆ จึงจะนำหอยสังข์นั้นมาเข้าร่วมอยู่ในงานพิธีมงคล อย่างพิธีแต่งงานเพราะหอยสังข์เคยเป็นที่บรรจุพระเวทต่าง ๆ ไว้ในท้องของตนจนครบทุกประการนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.key8wedding.com
Custom Search